อัพเดท
  • ไอเดียแต่งบ้าน : Soft Brown & Grey Decor

    Soft Brown & Grey Decor
    แต่งบ้านโทนผ่อนคลายด้วยสีน้ำตาลและสีเทา

    ถ้าพูดถึงสถานที่ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย บ้านของเราเองก็คงเป็นหนึ่งในคำตอบที่ใครๆหลายคนเลือกที่จะตอบ เพราะนอกจากบ้านจะเป็นสถานที่พักอาศัยแล้ว ยังเปรียบเสมือนพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวหลังจากกลับจากทำงาน หรือในวันหยุดพักผ่อนสุดสัปดาห์ ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกท่าน ไปดูไอเดียแต่งบ้าน ที่จะช่วยให้เราเกิดความรู้สึกผ่อนคลายแบบคูณสอง กับไอเดียแต่งบ้านสไตล์ “Soft Brown & Grey Decor” หรือ ไอเดียการแต่งบ้านโทนผ่อนคลายด้วยสีน้ำตาลและสีเทาครับ

    เรามาเริ่มที่สีน้ำตาลกันก่อนครับ ซึ่งตามหลักจิตวิทยาแล้ว สีน้ำตาล เป็นสีที่ช่วยกระตุ้นในเรื่องของอารมณ์การพักผ่อนได้ดี อีกทั้งยังสบายตาเมื่อมองด้วยครับ การตกแต่งจะเน้นลวดลายธรรมชาติเข้ามาเป็นตัวช่วยให้ห้องของเรามีลูกเล่นมากขึ้น การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีลวดลายของไม้และหิน รวมถึงการสร้างจุดเด่นให้กับห้องด้วยภาพวาดสัตว์ หรือประติมากรรมแกะสลัก ก็จะช่วยให้ห้องนั่งเล่นของเราผ่อนคลาย และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น กระตุ้นความรู้สึกให้อยากนั่งเล่นทั้งวันครับ


    ในส่วนของห้องครัว ไอเดียที่หยิบยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างในวันนี้ จะเป็นไอเดียการตกแต่งห้องครัวที่เป็นเฉดสีฤดูใบไม้ร่วง จะมีความผสมผสานสีส้มของดอกเมเปิ้ลลงไปกับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง มีการสร้างความสว่างให้กับห้องด้วยรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งการนำไฟ LED บนชั้นวางของ จะช่วยทำให้ห้องของเราส่องแสงสว่างอย่างนุ่มนวล แต่ถ้าอยากเพิ่มความสว่างให้กับห้องมากขึ้น ก็ให้ใช้ความสว่างจากโคมไฟแขวนต่ำ นอกจากจะทำให้ห้องสว่างขึ้น ยังแสดงออกถึงความทันสมัยด้วยครับ

    อ่านเพิ่มเติม
โปรเจค Baan-U
  • Baan U Soi 13

    ชิ่อโครงการ: Baan U soi 13

    เจ้าของโครงการ :  บริษัท วณิชพลัส ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด

    อ่านเพิ่มเติม
  • Baan U Soi 12

    ชิ่อโครงการ: Baan U soi 12

    เจ้าของโครงการ :  บริษัท วณิชพลัส ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด

    อ่านเพิ่มเติม
เกี่ยวกับบ้าน
  • กฎหมายต้องรู้สำหรับ 'คนเลี้ยงสัตว์'


              ความซุกซนของหมาแมวในมุมมองคนรักสัตว์อาจจะดูน่ารัก ตราบใดที่ความซุกซนนี้ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนทั่วไปนะครับ เพราะสัตว์เลี้ยงของเราอาจไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน สิ่งที่สำคัญสำหรับคนรักสัตว์คือความรับผิดชอบต่อสังคมรอบข้าง เลี้ยงสัตว์อย่างไร?? ไม่ให้กระทบกระเทือนเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการเห่าหอนเวลากลางคืน ปล่อยสุนัขไล่เห่าไล่กัดคนเดิน หรือปล่อยให้เขาออกไปขับถ่ายในที่สาธารณะโดยไม่เก็บทำความสะอาด รวมถึงการพาสัตว์เลี้ยงไปในที่ห้ามเข้า เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ศูนย์การค้า ฯลฯ การกระทำของสัตว์ไม่ว่าจะก่อความเสียหาย สร้างความรำคาญ หรือทำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย ผู้ที่ได้รับการละเมิดสิทธิ์มีสิทธิทางกฎหมายที่จะเรียกร้องเอาได้นะครับ ฉะนั้นคนเลี้ยงสัตว์ควรรู้กฎหมายเหล่านี้ไว้บ้างครับ



    สัตว์เลี้ยงไปสร้าง อันตราย เช่น สุนัขไล่กัด สัตว์ไปวิ่งตัดหน้ารถจนเกิดอุบัติเหตุ
    ◾ เข้ากฎหมายอาญามาตรา 377 "ผู้ใดควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นเที่ยวไปโดยลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" 
    โทษ : จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


    สัตว์เลี้ยงสร้าง ความเสียหาย เช่น ออกไปขับถ่ายในที่สาธารณะหรือในเขตบ้านคนอื่น กัดทรัพย์สินของคนอื่นได้รับความเสียหาย เป็นต้น 
    ◾ เข้ากฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433 "ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่สัตว์นั้น"
    โทษ : เจ้าของต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่เสียหาย

    สัตว์เลี้ยงสร้างความ รบกวน รำคาญ เช่น สุนัขเห่าหอนตอนดึก รบกวนการนอนหลับของเพื่อนบ้าน หรือเจ้าของไม่ทำความสะอาดจนส่งกลิ่นรบกวนเพื่อนบ้าน
    เข้ากฎหมายอาญามาตรา 397 “ผู้ใดกระทำการใดๆ ต่อผู้อื่นอันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอาย เดือดร้อน รำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท”
    โทษ : ปรับไม่เกิน 5,000 บาท



              การเลี้ยงสัตว์แทบจะไม่ต่างอะไรกับการเลี้ยงเด็กสักคนเลยครับ เขาก็ต้องการการเอาใจใส่ ฉะนั้นหากต้องการเลี้ยงสัตว์แล้วก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยเขา ดูแลเรื่องสุขอนามัยให้ดี รวมถึงต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วยเมื่อสัตว์เลี้ยงของเราไปรบกวนผู้อื่น และควรมีพื้นที่ในการดูแล อย่างคอนโด ควรเลี้ยงบนคอนโดที่เขาอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เท่านั้น ขนาดและจำนวนก็ต้องเหมาะสมกับพฤติกรรมของสัตว์ด้วยครับ ถ้าคอนโดห้ามเลี้ยงสัตว์ก็ควรงด หรืออาจเลือกเลี้ยงปลาสวยงามแทนจะดีกว่า เพื่อไม่ให้ผิดใจกับเพื่อนบ้าน...

    อ่านเพิ่มเติม
  • 6 วิธี ใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างไรให้ 'ประหยัดค่าไฟ'

              โควิดทำให้วิถีการทำงานเริ่มเปลี่ยนแปลงไป หลายคนยัง Work from Home กันอยู่เลยครับ บางออฟฟิศลดเวลาทำงานในสำนักงานลง เพิ่มเวลาให้พนักงานทำงาน คิดงานอยู่ที่บ้าน ทำให้เราต้องใช้งานคอมพิวเตอร์เกือบทั้งวัน ซึ่งคอมพิวเตอร์ก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟอยู่ไม่น้อยเลยครับ ช่วงที่ผม Work from Home ทำงานยิ่งกว่าเวลาทำงานสะอีก ค่าไฟขึ้นมาอีกเกือบ 50% ซึ่งปกติคอมพิวเตอร์จะใช้ไฟฟ้าประมาณ 50-500 วัตต์ ค่าไฟเฉลี่ยประมาณ ชม.ละ 2 บาท แต่นั้นยังขึ้นอยู่กับขนาดของคอมพิวเตอร์ หน้าจอ และอุปกรณ์เสริมอีก และยิ่งปัจจุบันสตรีมเกม ไลฟ์สดขายของกันมากขึ้น จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าค่าไฟที่เพิ่มขึ้นของบ้านก็มาจากเจ้าคอมพิวเตอร์นั่นแหละครับ



              วันนี้ inside2home เรานำ 6 วิธีใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ประหยัดค่าไฟ มาแนะนำกัน เริ่มต้นตั้งแต่เลือกซื้อกันเลยครับ

              1. เลือกซื้อคอมพิวเตอร์ที่มีสัญลักษณ์ Energy Star อารมณ์คล้ายๆ ซื้อสินค้าฉลากเบอร์ 5 เลยครับ ซึ่งสินค้าที่มีสัญลักษณ์ Energy Star ทำให้เรามั่นใจว่าสินค้านั้นผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้า ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 30% และหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุอันตรายหรือใช้ให้น้อยที่สุด ส่งผลให้ช่วยลดโลกร้อนได้ด้วย

              2. เลือกใช้ Notebook ประหยัดกว่า PC เพราะ Notebook นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานแบบพกพาและมีแบตเตอร์รี่สำรองไว้ในตัว ซึ่ง Notebook จะกินไฟอยู่ที่ 30-100 วัตต์ ส่วน PC นั้นจะอยู่ที่ 300-800 วัตต์ เลยทีเดียวครับ

              3. จอภาพเล็กช่วยประหยัดพลังงานมากกว่า ควรซื้อจอภาพที่ขนาดไม่ใหญ่เกินไปควรเลือกใช้จอ LCD หรือ LED จะช่วยประหยัดไฟมากกว่า เช่น จอภาพขนาด 14 นิ้ว จะใช้พลังงานน้อยกว่า จอภาพ ขนาด 17 นิ้ว ถึงร้อยละ 25 อย่างจอภาพ LCD อัตรากำลังไฟอยู่ที่ 35-50 วัตต์ และจอภาพ LED อัตรากำลังไฟอยู่ที่ 30-45 วัตต์

              4. ปิดหน้าจอเมื่อพักการใช้งานเกินกว่า 15 นาที เมื่อไม่ใช้งานเป็นเวลานาน หรือตั้ง sleep mode ก็สามารถที่จะช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 60%

              5. ตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ในบริเวณที่มีการระบายความร้อนได้ดี เพื่อไม่ให้คอมพิวเตอร์ทำงานหนักจนเกินไป อีกทั้งยังเป็นการถนอมการใช้งานอีกด้วยครับ

              6. แม้จะปิดเครื่องแล้ว แต่อุปกรณ์ควบคุมอิเล็คทรอนิกส์ก็ยังคงใช้พลังงานหรือกินไฟอยู่ จึงควรถอดปล๊กทุกครั้งที่เลิกใช้งาน เพื่อการประหยัดพลังงานและช่วยป้องการเกิดอัคคีภัยอีกด้วย ถ้าเราปิดเครื่องโดยไม่ถอดปลั๊กเครื่องจะมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ประมาณ 9 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 32 บาทต่อเดือน

              การลดใช้พลังงานเล็กๆ น้อยๆ นอกจากค่าไฟฟ้าภายในบ้าน หรือสำนักงานจะลดลง คุณยังมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซพิษ จากต้นทางพลังงานได้อีกด้วยนะครับ...

    อ่านเพิ่มเติม
  • การตรวจบ้านก่อนรับโอน EP.1 ตรวจภายนอกบ้าน

    วิธีการตรวจสอบ
    เมื่อเตรียมตัวและเตรียมอุปกรณ์ต่างๆพร้อมรายการบันทึกแล้ว สิ่งสำคัญต่อไปคือการตรวจรับบ้านการตรวจรับบ้านเริ่มจาก




     รั้วและประตูรั้ว ต้องมีความแข็งแรง ใช้วัสดุที่ดี ยกตัวอย่างเช่น รั้วเหล็กและประตูเหล็กควรทาสีกันสนิมก่อนทาสีจริง ไม่มีรอยสนิมหรือรอยพรุ รั้วคอนกรีตสำเร็จหรือรั้วก่ออิฐฉาบปูน ต้องมีความแข็งแรง เป็นระนาบได้ฉากไม่คดงอหรือเอียง เป็นต้น  นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบประตูว่าสามารถเปิด-ปิดได้ง่าย ประตูไม่ตก กลอนประตูมีความแข็งแรง ลงกลอน คล้องกุญแจได้ สะดวก



    สนามหญ้าและสวนทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการว่าจะจัดให้ทางลูกค้า หรือลูกค้าจะต้องจัดเอง แต่หากทางโครงการจัดให้ สิ่งที่ต้องพิจารณามีดังนี้ คือ ต้นไม้ใหญ่ต้องไม่ปลูกใกล้บ้าน หรือใกล้กับแนวสายไฟภายในโครงการ

    •  
    อ่านเพิ่มเติม